วาทกรรม
หมายถึงรูปแบบของความคิดเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแสดงออกผ่านทางการพูดรูปแบบวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม หรือนิยามที่ใช้บ่อยๆ และสื่อต่างๆเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งลักษณะของวาทกรรม ซึ่งมีผลต่อการควบคุมสังคมสถาบันและปัจเจกบุคคลเกิดจากผู้อำนาจในสังคมเพื่อปลูกฝังความคิดความเชื่อผ่านขนบธรรมเนียมจารีต ประเพณี ศาสนา ว่าคุณค่าของผู้หญิง คือ ทำตัวให้เป็นที่น่าปรารถนาของผู้ชายและผู้ชายเป็นผู้ตัดสินคุณค่าของผู้หญิง
หมายถึงรูปแบบของความคิดเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแสดงออกผ่านทางการพูดรูปแบบวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม หรือนิยามที่ใช้บ่อยๆ และสื่อต่างๆเพื่อที่จะคงไว้ซึ่งลักษณะของวาทกรรม ซึ่งมีผลต่อการควบคุมสังคมสถาบันและปัจเจกบุคคลเกิดจากผู้อำนาจในสังคมเพื่อปลูกฝังความคิดความเชื่อผ่านขนบธรรมเนียมจารีต ประเพณี ศาสนา ว่าคุณค่าของผู้หญิง คือ ทำตัวให้เป็นที่น่าปรารถนาของผู้ชายและผู้ชายเป็นผู้ตัดสินคุณค่าของผู้หญิง
การจำกัดสิทธิเสรีภาพของสตรี
ใช้เพศเป็นตัวแบ่ง และเป็นบ่อเกิดของความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะเห็นได้จากวาทกรรม เรื่องความเป็นแม่ศรีเรือน คือ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ดังเช่น สังคมจีนสมัยก่อนสุดยอดของผู้หญิงต้องมีเท้าเล็ก ซึ่งเป็นกุศโลบายทำให้ไม่สามารถเดินไปไหนได้สะดวก การจำกัดอยู่กับเรื่องความบริสุทธิ์ ให้ความสำคัญกับการรักนวลสงวนตัว โดยใช้การกล่าวอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ
ใช้เพศเป็นตัวแบ่ง และเป็นบ่อเกิดของความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะเห็นได้จากวาทกรรม เรื่องความเป็นแม่ศรีเรือน คือ อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ดังเช่น สังคมจีนสมัยก่อนสุดยอดของผู้หญิงต้องมีเท้าเล็ก ซึ่งเป็นกุศโลบายทำให้ไม่สามารถเดินไปไหนได้สะดวก การจำกัดอยู่กับเรื่องความบริสุทธิ์ ให้ความสำคัญกับการรักนวลสงวนตัว โดยใช้การกล่าวอ้างด้วยเหตุผลต่างๆ
ทฤษฏีของอริสโตเติล ได้กล่าวไว้ว่า โดยธรรมชาติผู้ชายอยู่เหนือกว่าและอยู่ในฐานะผู้ปกครอง ส่วนผู้หญิงนั้นด้อยกว่าอยู่ในฐานะผู้ถูกปกครองและผู้หญิงก็คือผู้ชายที่เสื่อมสมรรถภาพนั่นเอง
คัมภีร์ไบเบิล ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผู้หญิง โดยมีการใช้ระบบสองมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด คือ ตั้งแต่แรกเกิดสิทธิของเด็กผู้หญิงจะถูกมองว่ามีมลทินสกปรกมากกว่าผู้ชายและเธอจะไม่สามารถเลือกคู่ครองเองได้
“ตกลงสถานะของผู้หญิงจริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ คน หรือว่าทรัพย์สินสาธารณะ”
ทฤษฏีบลุคลิกภาพ
ซิกมุนฟรอยย์
แนวคิดการอิจฉาอวัยวะเพศชาย “สัญลักษณ์แห่งความมีอำนาจ”แต่ผู้หญิงไม่มีจึงรู้สึกว่าถูกพรากของหวงแหนไป และแสดงออกชดเชยเมื่อโตขึ้นแบบสตรีเช่นการดูแล
การเอาใจเด็ก งานบ้าน รวมทั้งการหึงหวงสามีและลูกชายและเป็นที่มาของอาการหลายอย่าง เช่น ความรู้สึกว่าตนเองไร้อำนาจ ต้องพึ่งพาผู้ชายความรู้สึกที่ต้องการมีผู้ชายในชีวิตเพื่อทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
แนวคิดการอิจฉาอวัยวะเพศชาย “สัญลักษณ์แห่งความมีอำนาจ”แต่ผู้หญิงไม่มีจึงรู้สึกว่าถูกพรากของหวงแหนไป และแสดงออกชดเชยเมื่อโตขึ้นแบบสตรีเช่นการดูแล
การเอาใจเด็ก งานบ้าน รวมทั้งการหึงหวงสามีและลูกชายและเป็นที่มาของอาการหลายอย่าง เช่น ความรู้สึกว่าตนเองไร้อำนาจ ต้องพึ่งพาผู้ชายความรู้สึกที่ต้องการมีผู้ชายในชีวิตเพื่อทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
ดร.สติฟฟ์
ลักษณะประกอบที่เป็นแกนกลางของผู้หญิงคือ ความหลงใหลในตนเองแบบผู้หญิงการชอบ ทำร้ายตัวเองและความเฉี่อยชาเพศหญิงเป็นเพศที่ไร้สาระโง่เขลาเหมาะสมที่จะทำงานบ้านและอยู่ใต้อำนาจของสามี
ลักษณะประกอบที่เป็นแกนกลางของผู้หญิงคือ ความหลงใหลในตนเองแบบผู้หญิงการชอบ ทำร้ายตัวเองและความเฉี่อยชาเพศหญิงเป็นเพศที่ไร้สาระโง่เขลาเหมาะสมที่จะทำงานบ้านและอยู่ใต้อำนาจของสามี
ทัศนะของ อีริค อีริคสัน (Erik Erikson)
กล่าวถึง เอกลักษณ์ของผู้หญิงเอาไว้ว่า“ผู้หญิงส่วนมากจะไม่สามารถหาเอกลักษณ์ของตนเองได้ จนกระทั่งเมื่อเสามารถใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ผูกมัดใจชายที่ตัวเองพึงใจแบะประสบความสำเร็จนับแต่นั้นมา เธอก็จะเลือกคุณลักษณะที่ดึงดูดใจชายคนรักได้ตลอดไปมาเป็นเอกลักษณ์ของตน”ผู้หญิงรู้สึกไม่มีความมั่นใจเพราะขาดสัญลักษณ์แห่งอำนาจ จึงแสดงออกเพื่อชดเชยความรู้สึกดังกล่าว ได้แก่ ความต้องการเป็นเพศชาย หรือการหน่วงเหนี่ยวจับจองผู้ชายสักคนหนึ่งเป็นที่พึ่ง
กล่าวถึง เอกลักษณ์ของผู้หญิงเอาไว้ว่า“ผู้หญิงส่วนมากจะไม่สามารถหาเอกลักษณ์ของตนเองได้ จนกระทั่งเมื่อเสามารถใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ผูกมัดใจชายที่ตัวเองพึงใจแบะประสบความสำเร็จนับแต่นั้นมา เธอก็จะเลือกคุณลักษณะที่ดึงดูดใจชายคนรักได้ตลอดไปมาเป็นเอกลักษณ์ของตน”ผู้หญิงรู้สึกไม่มีความมั่นใจเพราะขาดสัญลักษณ์แห่งอำนาจ จึงแสดงออกเพื่อชดเชยความรู้สึกดังกล่าว ได้แก่ ความต้องการเป็นเพศชาย หรือการหน่วงเหนี่ยวจับจองผู้ชายสักคนหนึ่งเป็นที่พึ่ง
ผู้คัดค้าน
นักสตรีนิยม กล่าวว่าทฤษฏีของฟรอย์ยังตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่าสภาพทางชีวะจะเป็นตัวกำหนดทุกอย่าง แนวคิดของการอิจฉาที่แท้จริงน่าจะมาจาก ความอิจฉาสถานะทางสังคมของผู้ชายที่มีเสรีภาพมากกว่า
ทฤษฏีของฟรอย์
นั้นเป็นเพียงการสืบทอดปรัชญาของอริสโตเติล และแนวคิดนี้ก็ได้ทำการพิสูจน์สำเร็จแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ไฟร์เดน
มายาคติสตรีคือเป็นธรรมดาที่ผู้หญิงจะต้องหัวอ่อนพึ่งพาคนอื่นแต่ผู้หญิงที่อยากจะก้าวหน้าแลเพิ่มพูนสติปัญญานั้น
เป็นพวกจิตผิดปกติ แนวคิดของฟรอย์เป็นมายาคติแบบสตรี ที่ปิดกั้นชีวิตและปฏิเสธอนาคตที่ดีกว่าของผู้หญิง
ทฤษฏีของฟรอย์
นั้นเป็นเพียงการสืบทอดปรัชญาของอริสโตเติล และแนวคิดนี้ก็ได้ทำการพิสูจน์สำเร็จแล้วว่าไม่เป็นความจริง
ไฟร์เดน
มายาคติสตรีคือเป็นธรรมดาที่ผู้หญิงจะต้องหัวอ่อนพึ่งพาคนอื่นแต่ผู้หญิงที่อยากจะก้าวหน้าแลเพิ่มพูนสติปัญญานั้น
เป็นพวกจิตผิดปกติ แนวคิดของฟรอย์เป็นมายาคติแบบสตรี ที่ปิดกั้นชีวิตและปฏิเสธอนาคตที่ดีกว่าของผู้หญิง
